ลูกปัดอุกกาบาต Gibeonขนาดเล็กชนิดเจาะรูขนาด4-6mm สุ่มเม็ด
#แบ่งขายราคาต่อ 1 เม็ด
#อุกาบาตกีเบียนTopเกรด 4 -6 mm.
#อุกกาบาตชนิดโลหะล้วนGibeonดิบไม่เคลือบ
#มีลวดลายWidmanstattenที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
#ไม่สามารถทำปลอมหรือเลียนแบบได้
#เป็นธาตุจากนอกโลกรวมพลังโลกธาตุจักรวาลมากกว่า4600ล้านปี
กีเบียน Meteorite Gibeon คืออุกาบาตที่ได้ตกลงมายังพื้นโลกเมื่อประมาณ 30000 ปีที่แล้ว ตกผลึกเป็นรูปแบบที่เรียกกันว่า Widmanstätten (ลายเส้นจำนวนมาก) และกลายเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอุกกาบาตชนิดนี้ จัดเป็นอุกาบาตชนิดที่เป็นโลหะล้วนๆ(Iron meteorite) มีพบอยู่ประมาณเพียง 4% ของอุกกาบาตทั้งหมดที่พบบนพื้นโลก จึงเป็นของหายากมาก
นำมาทำเป็นเม็ดกลมแบบเจาะรู มีคุณประโยชน์มากสำหรับการจัดและรักษาความสมดุลย์ในทุกระบบส่วนของร่างกาย ทำการฟอกเลือด และเพิ่มธาตุเหล็กในร่างกาย เยี่ยมมากในการใช้เพื่อนั่งสมาธิที่ได้อย่างลึกซึ้ง #Gibeon #Meteorite
หินอุกกาบาตที่ชื่อว่า Gibeon Meteorite เป็นดาวตกที่ตกมาจากนอกโลกเมื่อ 4600 ล้านปีที่แล้ว และถูกค้นพบเมื่อปี 1836 ใน สาธารณรัฐนามิเบีย โดย Captain J. E. Alexander ได้เก็บตัวอย่างและส่งไปทดสอบที่ London ผลออกมาว่าเป็นวัสดุธรรมชาติที่มาจากนอกโลก มาตกลงกลางทะเลทราย Namibian ใกล้เมือง Gibeon สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Gibeon Meteorite ก็คือลวดลายที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนสารหรือธาตุใดที่เรียกว่า วิดแมนสทาแทน (Widmanstatten Line) โดยสิ่งที่เห็นเป็นเส้นเงาๆ คือเหล็ก ส่วนเส้นที่เห็นด้านๆ คือ นิคเกิ้ลที่เกิดจากที่อุกกาบาตที่มีส่วนผสมของเหล็กและนิคเกิ้ลที่เกิดการเย็นตัวในอวกาศที่หนาวเหน็บอย่างช้าๆ(เย็นลง1องศาใช้เวลาอย่างน้อย1000 ปี) Meteorite แต่ละชิ้นงานจะมีลวดลายที่ต่างกันออกไปอย่างเป็นเอกลักษณ์ และแน่นอนว่าหายากขึ้นทุกวัน ตามความเชื่อ*หินอุกกาบาตแห่งเมืองกิเบโอน เป็นหินแห่งจิตใจ เป็นหินแห่งอัจฉริยะ ช่วยปรับสมดุลของร่างกายทั้งระบบ ช่วยฟอกเลือดและเพิ่มธาตุเหล็กในร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นหินที่เกจิอาจารย์และผู้ทำสมาธิวิปัสสนานำมาใช้ในระหว่างการทำสมาธิ
✅ ขออธิบายนิดนึงครับว่าอุกาบาตแบบนี้ทำไมจึงหายาก นั่นเพราะการเกิดอุกาบาตแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยากครับ มันคือแกนของดวงดาวที่ถูกชนจนแตกสลายกระจายออกไปในอวกาศ หรืออาจเกิดจากการระเบิดของดาวฤกษ์แบบซุปเปอร์โนวาที่ทำให้แกนของดาวพุ่งกระจายไปในอวกาศ ... หลักการเกิดแกนที่มีมวลหนักของดวงดาวคือ มันเกิดจากการรวมตัวกันของฝุ่นแก๊สในอวกาศจนเริ่มมีมวลมากขึ้น จากนั้นวัตถุที่มีมวลมากกว่าก็จะดึงดูดเอาวัตถุที่มีมวลน้อยกว่ามาแปะติดกับตัวเองจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใหญ่มากขึ้นก็มีแรงดึงดูดกดทับเข้าสู่ศูนย์กลางมากขึ้นจนในที่สุดก็เกิดความร้อนและหลอมละลายในแกนกลาง วัตถุที่มีมวลหนักอย่างเหล็ก นิกเกิล ทองคำ ก็จะยุบตัวตกเข้าไปสู่แกนกลางของดวงดาวกลายเป็นแกนร้อนกึ่งเหลวกึ่งแข็งที่ปลดปล่อยสนามแม่เหล็กออกมา.
ถัดมาจากแกนกลางคือพวกกึ่งโลหะกึ่งแก้ว จะมีส่วนผสมของเหล็กหรือโลหะที่เบากว่าและผลึกแร่ต่างๆอย่างเพอริดอทหรือแซฟไฟร์
ในชั้นถัดออกมาด้านนอกจะเป็นพวกซิลิก้าและแร่ธาตุอื่นๆ
เปลือกนอกสุดจะเป็นหินกรวดและฝุ่นต่างๆ. และเมื่อดาวพวกนี้ (โดยมากแล้วจะมีขนาดเล็ก) ถูกชนโดยวัตถุขนาดใหญ่จนตัวมันแตกกระจาย ชิ้นส่วนต่างๆก็จะกระจัดกระจายไปในอวกาศและส่วนที่หายากและมีค่ามากที่สุดก็คือแกนของดวงดาวเหล่านี้นี่เอง. ส่วนมากที่พวกเราพบจะเป็นแบบซิลิก้ามากที่สุด ส่วนแบบหินฝุ่นที่เป็นเปลือกดวงดาวมักจะเผาไหม้จนหมดก่อนตกถึงพื้นโลก
จากภาพในโพสต์ การที่อุกาบาตมีลวดลายเช่นนั้นมันคือการตกผลึกของโลหะในความร้อนสูงมากๆนับหมื่นอาจจะถึงล้านองศาองศาและเย็นตัวลงช้าๆเพียงหนึ่งอาศาต่อหลายแสนหรือล้านปี นี่บ่งบอกว่ามันไม่ใช่หินอุกาบาตธรรมดา แต่มันคือแกนของดวงดาวที่แตกสลายดวงหนึ่งจากการถูกชนปะทะของดวงดาวขนาดใหญ่อีกดวง