การศึกษาของผู้ถูกกดขี่ ฉบับครบรอบ 50 ปี (พิมพ์ครั้งที่ 2)
“การศึกษาของผู้ถูกกดขี่” ฉบับครบรอบ 50 ปี
Pedagogy of the Oppressed : 50th Anniversary Edition
เปาโล แฟรรี (Paulo Freire) เขียน
สายพิณ กุลกนกวรรณ ฮัมดานี แปล
9786164810402
350 บาท
296 หน้า
สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา
พิมพ์ครั้งที่ 2 สิงหาคม 2566
.
“การศึกษาของผู้ถูกกดขี่” ฉบับครบรอบ 50 ปี
Pedagogy of the Oppressed : 50th Anniversary Edition
เปาโล แฟรรี (Paulo Freire) เขียน
แปลภาคภาษาอังกฤษ มีรา เบิร์กมัน รามอส
แปลภาคภาษาไทย สายพิณ กุลกนกวรรณ ฮัมดานี
สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา พิมพ์ครั้งที่ 2 สิงหาคม 2566
.
ปกปีก และฟรี! ที่คั่นหนังสือในเล่ม
.
“การปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่เป็นการปลดปล่อยชายและหญิง หาใช่วัตถุสิ่งของไม่
ดังนั้น ขณะที่ไม่มีผู้ใดปลดแอกตนเองได้ด้วยความพยายามโดยลำพัง ก็ไม่มีผู้ใดปลดแอกเขาได้เช่นกัน
เสรีภาพอันเป็นปรากฏการณ์ของมนุษย์ไม่อาจบรรลุได้โดยผู้ที่เป็กึ่งมนุษย์
ความพยายามใดที่ปฏิบัติต่อผู้คนประหนึ่งเขาเป็นกึ่งมนุษย์ (ดังเช่นกรณีเชิดชูคนขาวและระบอบพ่อปกครองลูก)
มีแต่จะทำให้เขาสูญเสียความเป็นมนุษย์”
-เปาโล แฟรรี
.
เปาโล แฟรรี เขียนหนังสือเล่มนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะ “ปลุกความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในเชิงวิพากษ์” ให้แก่ผู้คนในสังคม ให้สามารถปลดปล่อยตัวเอง ให้หลุดพ้นจากพันธนาการของการกดขี่ทุกรูปแบบ และเขาไม่เคยสิ้นหวังถึง โลกที่จะเลือกปฏิบัติน้อยลง เป็นธรรมมากขึ้น ทำลายความเป็นมนุษย์น้อยลง และมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น
.
เกี่ยวกับผู้เขียน
เปาโล เฟรรี (Paulo Freire 1921-1997)
นักปราชญ์ด้านการศึกษาชาวบราซิล เป็นที่รู้จักกว้างขวางในฐานะนักการศึกษานอกระบบ เขาเน้นการสอนและการเรียนรู้ที่ให้ความสำคัญกับการโต้แย้งแสดงความคิดเห็น และคำนึงถึงผู้ที่ถูกกดขี่บีบคั้นเพราะขาดโอกาสและถูกเอารัดเอาเปรียบ พูดได้ว่า เปาโล เฟรรีเป็นนักคิดด้านหารศึกษาที่มีอิทธิพลมากที่สุดในช่วงปลายศตวรรษที่ยี่สิบ
.
เปาโล เฟรรี เกิดและเติบโตในครอบครัวชนนชั้นกลางของประเทศบราซิล ในวัยเด็กเขาต้องเผชิญกับความอดยากยากแค้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยม เขาเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโดยหวังจะได้รับปริญญาทางด้านนิติศาสตร์ แต่พอถึงปี 1944 เมื่อเขาแต่งงานกับเอลซา โอลิเวียรา ซึ่งเป็นครูสอนนักเรียนระดับประถมศึกษา เธอได้จุดประกายทำให้เฟรรีหันเหจากสาขากฎหมายมาให้ความสนใจด้านการศึกษา
.
ยิ่งเฟรรีศึกษาวิจัยด้านการศึกษาลึงลงเท่าใด เขายิ่งได้พบการงานอย่างใหม่ในชีวิตมากขึ้น ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและวัฒนธรรมของรัฐบาลท้องถิ่น เขาทำงานร่วมกับกรรมกรโรงงานอยู่ถึง 10 ปี และค่อยๆ มีบทบาทในระดับนโยลบายมากขึ้น ในช่วงนี้เองที่เขาเริ่มแสดงให้เห็นอย่างประจักษ์ว่าการเสวนาโต้แย้งทางความคิดเห็นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการศึกษา ไม่ว่าการเสวนาระหว่างนักเรียนด้วยกันเอง ระหว่างครูกับนักเรียนระหว่างครูกับสมาชิกชุมชน เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการศึกษา ระหว่างที่กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกเขาได้ร่วมเคลื่อนไหวเรียกร้องการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน ประสบการณ์ในช่วงนี้เป็นรากฐานสำคัญให้แก่หนังสือเล่มแรกของเขาคือ การศึกษาในฐานะการปฏิบัติเพื่อเสรีภาพ (Education as the Practice of Freedom) หนังสือเล่มนี้เขียนเสร็จเมื่อปี 1965 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาลี้ภัยอยู่ที่ชิลี
ประธานาธิบดีแห่งบราซิลได้ข้อให้เฟรรีออกแบบโครงการการศึกษาแห่งชาติ งานนี้เป็นงานที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง เพราะในบราซิล ผู้ที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งคือคนที่อ่านออกเขียนได้เท่านั้น บรรดาเจาที่ดินและผู้มั่งคั่งอันเป็ฯชนชั้นนำระดับประเทศต่างมองว่าโครงการรณรงค์เพื่อการเรียนรู้ที่เฟรรีกำลังดำเนินการอยู่ เป็นภัยคุกคามอภิสิทธิ์นานาประการที่พวกเขาได้รับอยู่ เมื่อเกิดรัฐประหารในปี 1964 และรัฐบาลทหารเข้ายึดอำนาจ เฟรรีจึงถูกจับขัง 2 ครั้ง และสุดท้ายทหารก็บีบบังคับให้เขาลี้ภัยการเมืองออกนอกประเทศ
.
ในช่วง 16 ปืที่ลี้ภัยอยู่ในชิลีระหว่างปี 1964-1969 เขาพักอยู่ที่นครซานติเอโก และทำงานร่วมกับชาวนา ระหว่างปี 1969-1970 เขาเดินทางไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมีโอกาสเดินทางไปประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในฐานะ “ทูต” การศึกษาแก่ผู้ใหญ่ เพื่อการเรียนรู้แล้ะการปลดปล่อย และช่วงนี้เองที่เขาได้เขียนหนังสือที่ทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก นั่นคือ การศึกษาสำหรับผู้ถูกกดขี่ (Pedagogy of the Oppressed)